อาม่าบนคอนโด
อาม่าบนคอนโด
วรรณกรรมสำหรับเยาวชน แต่งโดย ชมัยพร แสงกระจ่าง
นำเสนอเรื่องราวของคนสองคนที่ช่วงวัยต่างกัน คือเด็กวัยรุ่น และ คนแก่ ระหว่างโลกปัจจุบันที่เร่งรีบและเห็นแก่ตัวของโชคและอาม่าผู้ผ่านเรื่องราวต่างๆของชีวิตมาอย่างมากมาย
สภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและการเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพสังคม
ทำให้เราเข้าใจสภาพสังคมปัจจุบันได้มากขึ้น
ยุคปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินชีวิตอย่างมาก
เป็นยุคสมัยแห่งความเร่งรีบ มีการแข่งขันสูง ทำให้คนส่วนมากถือตัวเองเป็นศูนย์กลางหลักในการดำเนินชีวิต
จึงเกิดความแตกต่างและอคติ ก่อให้เกิดความไม่เข้าใจกันและปัญหาต่างๆตามมา
อย่างเช่นในเรื่อง อาม่าบนคอนโด ตัวละคร โชค เด็กชายผู้ไม่สนใจใคร
ไม่สนว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถ้าไม่เกี่ยวกับตนก็จะไม่ใส่ใจ สนใจแต่ตนเองและทำในสิ่งที่ตนอยากทำเท่านั้น
โชคถือเป็นตัวแทนของคนสมัยปัจจุบัน
เมื่อสังคมเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
เทคโนโลยีต่างๆเข้ามามีบทบาทแทนที่คนรอบข้างมากขึ้น
คนเราจึงให้ความสำคัญกับคนรอบข้างน้อยลงและเห็นแก่ตัวมากขึ้น ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีควรมีขอบเขตที่เหมาะสมและใช้ในสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์เท่านั้น
ควรมีเวลาให้คนรอบข้างได้ปรึกษา พูดคุย หรือทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันมากขึ้น รู้จักมองโลกให้กว้างขึ้น
ไม่เป็นคนที่มีใจคับแคบ ควรรู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และเห็น
ประโยชน์ส่วนรวมมาก่อนประโยน์ส่วนตน
อาม่าบนคอนโด นอกจากสะท้อนให้เห็นภาพสังคมในปัจจุบันแล้ว
ยังทำให้เราเข้าใจคนทั้งสองวัยนี้มากขึ้น แต่ก่อน คนแก่และเด็กจะอยู่ร่วมกัน
สังคมของเราสมัยก่อนเป็นเช่นนั้น
คนแก่ที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากก็จะคอยบอกคอยสอนในสิ่งที่ดีๆให้เด็ก
เมื่อก่อนเป็นอย่างไร เดี๋ยวนี้เป็นอย่างไร ทำให้เด็กเข้าใจชีวิตมากขึ้น
ควรปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะเหมาะสม ทำอย่างไรคนอื่นถึงจะรักใคร่เอ็นดู
สิ่งเหล่านี้จึงทำให้สองวัยนี้ผูกผันกัน แต่ในยุคปัจจุบัน
เด็กและคนแก่ต่างคนต่างอยู่โดยเฉพาะในสังคมเมือง
คนแก่จากที่เคยมีคนมาดูแลเอาใจใส่ก็ต้องดูแลตัวเอง ทำมาหากินเอาตัวรอดด้วยตนเองต้องเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียวตามลำพัง
ถ้าไม่อย่างนั้นก็ถูกส่งไปบ้านพักคนชรา เพราะลูกหลานไม่มีเวลาเลี้ยงดู
ทำให้คนแก่อยู่ในสภาพเหมือนถูกทอดทิ้ง ไม่มีความสุขอย่างเคย
ส่วนเด็กยุคปัจจุบันก็ให้ความสำคัญเฉพาะตนเอง วันนี้เราจะทำอะไร จะกินอะไรดี
จะไปเที่ยวไหนดี ไม่คิดถึงคนรอบข้าง ความใกล้ชิดจึงลดน้อยหายไป สิ่งนี้ควรได้รับการปลูกฝังจากผู้ปกครองและคนรอบข้างแต่เด็ก
ถ้าไม่อย่างนั้น คนที่จะถูกทอดทิ้งคนต่อไปอาจเป็นผมหรือคุณก็ได้
คนเราจะมีความสุขได้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของเรานั่นเอง "อาม่าบนคอนโด"
มีหลายแง่มุมที่ทำให้เราเห็นการใช้ชีวิตของคนมากขึ้น บางคนมีชีวิตที่เร่งรีบ
ไม่ค่อยมีเวลาให้ใคร เช่น ขวัญ พี่ของโชค
ที่ตื่นมาก็ต้องไปทำงานแต่เช้ากลับอีกทีก็ดึก บางคนก็ใส่ใจเฉพาะตนเอง เช่น โชค
บางคนก็ผิดหวังกับชีวิตครอบครัว เช่น น้าดวงทิพย์ บางคนก็พยายามต่อสู้ชีวิตด้วยตนเอง
เช่น อาม่า เป็นต้น คนเราแต่ละคนมีชีวิตไม่เหมือนกัน
มีทั้งเรื่องทุกข์และสุขปะปนกันไป
แต่สิ่งที่ทำให้เขาทั้งหลายในเรื่องนี้มีความสุขและเข้าใจชีวิตมากขึ้น คือ
การดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีมิตรไมตรีให้กัน
แม้แต่โชค ที่เอาใจใส่แต่ตัวเอง เมื่อถูกปลูกฝังจากพี่และสังคมรอบข้างมากเข้า
เขาก็ปรับตัวและเป็นเด็กดีในที่สุด
สังคมในปัจจุบัน เป็นสังคมแห่งการแข่งขัน
เป็นยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมาก สภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ทำให้คนเปลี่ยนไป วิถีชีวิตที่เคยเรียบง่าย การพึ่งพาอาศัยกัน เลื่อนหายไป
ปัญหาสังคมจึงเกิดขึ้น เมื่อยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง
คนที่ถูกเลยมีแต่ตัวเองคนรอบข้างที่เคยดีต่อกันก็ผิดไปหมดเพียงความคิดเห็นต่างกัน
เพราะฉะนั้นเราจึงควรใส่ใจต่อบุคคลรอบข้างให้มากขึ้น ใส่ใจสังคมรอบข้าง
เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน กลับมาพึ่งพาอาศัยกันอย่างก่อน
มีปัญหาควรปรึกษาพูดคุยกันไม่ใช่จ้องทำร้ายกัน สามัคคีปรองดอง ปัญหาต่างๆก็จะหมดไป
เมื่อเราพัฒนาตัวเองได้แล้ว ประเทศชาติย่อมพัฒนาและก้าวหน้าอย่างแน่นอน
ปล.เด็กน้อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น