สะพานไผ่เหนือสายน้ำเชี่ยว
เสกสรรค์
ประเสริฐกุล
"แม้แต่บนเส้นทางไปสู่การพ่ายแพ้
ก็ยังมีสิ่งที่เราต้องเอาชนะ"
ข้อความข้างต้นคือบางตอนในบทประพันธ์
ของ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล อดีตผู้นำขบวนนักศึกษาโค่นระบอบเผด็จการทางทหารเมื่อปี
๒๕๑๖ งานเขียนชุดนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นช่วงหนึ่งของชีวิต เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
ที่ต้องการฟันฝ่าอุปสรรคสู่อุดมการณ์อันแรงกล้า เพื่อปฏิวัติแผ่นดินเกิด
ให้ระบบเผด็จการนั้นสิ้นไป แต่ในความเป็นจริงไม่ง่ายอย่างที่คิดด้วยความผกผันทางการเมืองและด้วยอำนาจเผด็จการของรัฐบาลในช่วงนั้นทำให้
เสกสรรค์ ประเสริฐกุล กลายเป็นคนนอกสังคมอย่างรวดเร็ว ด้วยอำนาจเผด็จการอันร้อนแรง
เสกสรรค์
ประเสริฐกุลจึงตัดสินใจเข้าร่วมกองกำลังติดอาวุธปฏิวัติภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
ทำให้ ต้องย้ายถิ่นฐานเพื่อเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในป่า ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบของเรื่องนี้
" สะพานไผ่เหนือสายน้ำเชี่ยว
" เป็นเรื่องราวชีวิตของเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ภายหลังจากตัดสินใจเข้าร่วมกองกำลังติดอาวุธปฏิวัติภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
ซึ่งเขาคิดว่าจะเป็นวิธีที่ยกระดับการการเมืองการปกครองของไทยให้กลับไปสู่สังคมประชาธิปไตย
และลบล้างระบอบเผด็จการให้สูญสิ้นจากประเทศ แต่การเดินทางตามหาอุดมการณ์ในครั้งนี้กลับไม่แน่นอนอย่างที่คิด
กองกำลังติดอาวุธปฏิวิติภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยไม่ได้จัดขึ้นเพื่อประเทศไทยอย่างแท้จริง
การจะอยู่ที่นี้ไม่ใช่แนวทางที่จะทำให้ประเทศไทยกลับมาสันติอย่างแน่นอน
และด้วยวิธีการคิดที่ผิดแปลกของผู้นำพรรคทำให้ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
เกิดความลังเลใจ และเริ่มท้อกับสิ่งที่ตนกำลังเผชิญอยู่ ด้วยแนวคิดที่ไปกันไม่ได้
เสกสรรค์ ประเสริฐกุลและภรรยาจึงตัดสิ้นใจออกจากป่า เพื่อกลับมามอบตัวกับฝ่ายรัฐบาล
แต่ระหว่างทางที่จะไปรับความผ่ายแพ้นั้นก็ไม่ง่าย พวกเขาต้องผ่านทั้งพายุ เมฆฝน
และสายน้ำเชี่ยวที่พร้อมจะกลืนกินชีวิตทุกคนที่ตกลงไป
เช่นดังข้อความที่กล่าวไว้ในข้างต้นว่า "แม้แต่บนเส้นทางไปสู่การพ่ายแพ้
ก็ยังมีสิ่งที่เราต้องเอาชนะ" เส้นทางแห่งความพ่ายแพ้นี้ช่างสร้างบาดแผลให้เขามากมายเหลือเกิน
ไม่ใช่ที่ร่างกายแต่เป็นที่ " จิตใจ "
เสกสรรค์ ประเสริฐกุลในฐานะนักเขียน
สามารถถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้สึกของเขาผ่านตัวอักษรได้อย่างมั่นคงและเข้าถึงใจผู้อ่านด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายและน้ำเสียงที่ใสซื่อ
เช่น " ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ที่ผมจะถูกตรึงไว้ริมสายธารความทรงจำซึ่งน่าสะพรึงกลัวเสียยิ่งกว่าสายน้ำเชี่ยวในลำห้วยขาแข้ง
รู้เพียงว่า ณ ที่แห่งนั้น ผมอาจต้องดิ้นร้นสร้างสะพานอยู่โดยลำพัง " ข้อความข้างต้นนี้สื่อสารถึงส่วนลึกที่ยังตรึงอยู่ในจิตใจของเสกสรรค์
ประเสริฐกุลได้เป็นอย่างดี
แม้ทุกอย่างจะผ่านเลยไปแต่สิ่งที่จะยังอยู่กับเขาไม่จางหายคือความทรงจำ
ซึ่งมันจะสร้างความเจ็บปวดให้เขาไม่มีวันหาย
การสื่อสารที่จริงใจและเรียบง่ายทำให้ผู้อ่านเข้าถึงเรื่องราวได้เป็นอย่างดี
สะพานไผ่เหนือสายน้ำเชี่ยว
นอกจากจะทำให้ผู้อ่านรู้จัก เสกสรรค์
ประเสริฐกุลมากขึ้นแล้วสิ่งที่ตกตะกอนภายในใจผู้อ่านที่แฝงมากับเนื้อเรื่อง
คือข้อคิดที่ได้ ซึ่งมีส่วนสำคัญที่นำพาให้เราได้ขบคิดไปตาม เช่น
การยอมรับความเป็นจริง ถึงแม้สิ่งนั้นจะทำให้ปวดร้าว การยอมรับความพ่ายแพ้หรือความเป็นจริงนั้นทุกคนต้องทำให้ได้
ไม่อย่างนั้นเราจะตกอยู่ภายใต้กำแพงซึ่งเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเพื่อลบล้างความเจ็บปวดของบาดแผลนั้น
สิ่งที่พึ่งทำคือยอมรับและทำในสิ่งที่เป็นจริงและดีงามไม่จมอยู่กับอดีตหรือความหลังที่เรากลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว
หากจะมีก็เพียงอนาคตข้างหน้าที่ยื่นเส้นทางมารอให้ก้าวเดินไปอย่างมั่นคง นอกจากนี้ก็มีเรื่องเงินปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตในปัจจุบันนี้
ซึ่งคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ แต่เงินก็ไม่สามารถซื้อทุกสิ่งทุกอย่างได้
เงินไม่สามารถซื้อเวลาให้ย้อนกลับมาได้ ไม่สามารถซื้อใจคนให้เปลี่ยนแปลงได้
เงินซื้อชีวิตของคนให้กลับฟื้นคืนไม่ได้ มีแต่ใจเท่านั้นที่ซื้อทุกอย่างได้
เพราะไม่ว่าอะไรที่ผ่านเข้ามาในความทรงจำ ความเจ็บปวด ความรัก ครอบครัว เพื่อน มันจะยังตราตรึงอยู่ในใจ
ในความทรงจำของเราไม่รู้คลาย
ปัจจัยจึงไม่ใช่ความสุขที่ยั้งยืนและคงทนเช่นความสุขอันเกิดที่ใจ
วรรณกรรมหนึ่งเรื่อง
ใช้ตัวอักษรจำนวนไม่น้อยในการถักร้อยเรื่องราว
การใช้เวลากับตัวอักษรหรือหนังสือนั้นก็เหมือนได้เรียนรู้ชีวิตของผู้เขียนในอีกแง่มุมหนึ่ง
ซึ่งบางครั้งเราไม่ทันได้สังเกต มุมมองเล็กๆที่สามารถเปลี่ยนชีวิตใครบ้างคนได้
หรืออาจจะเป็นบทเรียนสำหรับผู้เคยผ่านพบเรื่องราวคล้ายๆกันหรือผู้ฝักใฝ่ให้ปรับตัวได้อย่างเหมาะสม
" สะพานไผ่เหนือสายน้ำเชี่ยว "
ก็เป็นเรื่องราวชีวิตของคนๆหนึ่งที่มีบทบาทต่อสังคมไทยไม่น้อย
การศึกษาชีวิตของเขาอาจทำให้เราเห็นมุมมองในการดำเนินชีวิตหรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้อีกรูปแบบหนึ่ง
ทั้งภาษาและอารมณ์ที่ถ่ายทอดผ่านตัวอักษรของ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
คงจะทำให้ผู้อ่านได้รับความบันเทิง ความรู้และข้อคิดที่แฝงอยู่ไม่มากก็น้อย
ซึ่งก็แล้วแต่มุมมองของใครของท่าน ผู้มีสายตาอันยาวไกลต่อไป